อารมณ์อยากกลับบ้าน
อารมณ์อยากโดดงาน (นาน ๆ จะหาโอกาสได้)
ลางาน 3 วัน (ลายาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน) จนนายแดกด้วยความเอ็นดูว่า...."มึงไม่ลาออกไปเลยล่ะ!"
ก็เลยตอบไปว่า..."เฮ้ย มึงรู้ได้ไงว่ากูจะลาออก ฉลาดจริงๆ"
ฮ่าๆๆๆ อ่ะล้อเล่น ใครจะบ้าตอบไปแบบนั้นเล่า
เป็นคนไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนไกล ๆ
แต่เวลาได้เดินทาง มักจะชอบซึมซับบรรยากาศ"ระหว่างทาง" ที่สุด
ซึมซับยังไง? ก็พยายามไม่หลับ นั่งมองข้างทาง คิดโน่นนี่ เรื่อยเปื่อย ไปเรื่อย....มีความสุขแบบเหงา ๆ ดี
แต่ "ระหว่างทาง" ไปและกลับ ความรู้สึกโคตรจะต่างกันเลย
ระหว่างทาง"ไป" อยากให้ถึงช้า ๆ แต่ก็อยากให้ถึงเร็ว ๆ (ไม่งงใช่มั้ย?)
ระหว่างทาง"กลับ" อยากให้ถึงช้า ๆ และไม่อยากให้ถึง (วอนคนขับรถขับไปไหนก็ได้ ขับไปเรื่อยๆ)
คราวนี้กลับบ้านมาเพื่อมาทำอะไรบางอย่าง
ต้องลงทุนมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ?
กะอีแค่มานั่งปรับ Resume' เพื่อหางานใหม่
คำตอบคือ ใช่... มันต้องใช้การตัดสินใจหลาย ๆ อย่าง
อยู่ที่เดิม...มีแต่ความไม่แน่นอน ทำไปก็แค่รอวันจาก
ความรู้ที่เรียนมา มีแต่จะหดหาย... มันไม่ได้ใช้อะไรเลย
ที่ทำอยู่ทุกวัน ก็ได้เงิน ได้ออกจากห้อง ได้อยู่ห้องแอร์เย็น ๆ
ได้เจอเพื่อนร่วมงาน (ทั้งดีและไม่ดี) แล้วก็ได้เจอเธอ... ฮิ้ววววววววว
******
22 มิ.ย. 54
ลางาน เพื่อเตรียมตัว ไปขึ้นรถทัวร์ที่สายใต้เหมือนเดิม
ออกจากห้องบ่ายสองครึ่ง แบกเสื้อผ้า 1 กระเป๋า กระเป๋าคอมฯ อีก 1 เป้ อีก 1 ...ไอ้บ้าหอบฟางเอ๊ยยยย
มาถึงสายใต้ประมาณบ่ายสามครึ่ง ซื้อตั๋ว "นครศรีราชาทัวร์" เหมือนเดิม...
เอากระเป๋าไปฝาก แล้วก็หาอะไรรองท้อง รอเวลารถออกประมาณทุ่มครึ่ง เหมือนเดิม...
แต่ ชีวิตคงเบื่อความเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนเดิมตลอด
ไอ้เราก็เข้าใจว่าซื้อตั๋วราคารถ ป.อ. แต่ไฉน กลับได้นั่งรถร้อน มาตลอดทางก็ไม่รู้...?
ทุ่มกว่า ๆ ก็ลงไปรอที่ชานชาลา เกือบทุ่มครึ่งรถก็เข้ามาเทียบ ก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถ
ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาล คนเลยไม่เยอะ รถก็ไม่เต็ม ...เออ ดีจริง ๆ
ก่อนรถจะออก ก็มีคนขึ้นมาทำความสะอาดช่องแอร์ข้างหลัง ตรงที่เรานั่งพอดี
ก็ไม่ได้คิดอะไร คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...กว่ารถจะออก ก็ 2 ทุ่ม... ช้า... ช้าเกินไป
นั่งไปได้ซัก 2 ชั่วโมง ชักรู้สึกตะหงิดๆแล้วล่ะ ทำไมแอร์มันไม่ค่อยเย็นวะ?
เวลาผ่านไป...ชัดเลยว่ามันเสีย คนขับพยายามจะจอดซ่อมอยู่หลายที
แต่ก็ซ่อมไม่ได้ ก็ขับต่อไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ มันเริ่มหายใจไม่ออก...
โชคดีที่เป็นคนอยู่กับความร้อน จนชินกับความร้อนไปแล้ว ก็เลยทนได้
มั่นใจ ว่าตัวเองจะไม่ตายก่อนถึงบ้าน แค่นี้ก็พอแล้ว...
ตีสองครึ่ง เพิ่งถึงจุดพักรถ ซึ่งเท่าที่จำได้ มันต้องถึงประมาณเที่ยงคืนกว่า
ก็ลงไปเข้าห้องน้ำ ซื้อขนม เหมือนเดิม....
ที่นี่ คนขับก็พยายามจะซ่อมแอร์อย่างจริงจังละ
ผู้โดยสารก็ลงไปนั่งรอข้างล่าง อย่างหมดอาลัยตายอยาก
แต่เราไหว นั่งรอบนรถต่อไป เป็นห่วง Notebook มาก มันเพิ่งจะได้ออกงาน 555+
กำลังฟังเพลง เล่นเกม ไปเรื่อย ๆ คุณลุงคนขับก็เดินมาถามว่า
...จะลงไปนั่งรอข้างล่างมั้ย ผมจะไปหาที่ซ่อมแอร์
ตกใจนิดหน่อย ดึงหูฟังออก แล้วก็ถามไปว่า "มีคนไปด้วยมั้ยคะ" คุณลุงตอบว่า "มี" มีงั้นก็ไปค่ะ...
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้กลัวว่าเค้าจะปล่อยทิ้ง
แต่เราแค่... เป็นห่วง Notebook..ก็มันเพิ่งจะได้ออกงาน 555+
แล้วก็มาคิดอีกที ถ้าเราลงไปรอข้างล่าง เกิดเค้าไม่กลับมารับล่ะ จะทำยังไง???
เออ กูก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย 555+
แล้วก็ออกเดินทางต่อ
คนขับก็พยายามหาที่ซ่อมแอร์จริงจัง(อีกที) จนเจอ... แต่...ลงไปเรียกตั้งนาน ก็ไม่มีคนอยู่
ท้ายที่สุดแล้ว กระเป๋าก็เดินมาถามผู้ชายคนข้าง ๆ เราว่า...
ขับไปอย่างนี้ได้มั้ย เปิดประตูไป ถ้ารอรถมาถ่าย ก็คงสว่างโน่นแหละ เค้าก็ตกลง
...แล้วทำไมไม่ถามกูบ้าง? ใช่ซี่ กูไม่ใช่ผู้ชาย!!
เมื่อรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว ก็เลยส่ง msg บอกแม่ ว่าคงจะถึงช้าหน่อย
แล้วก็นอนฟังเพลงจนหลับไป... ตื่นอีกที เพราะโทรศัพท์สั่น ตอนตีห้า
พ่อโทรมา บอกว่า ออกมารออยู่ บขส. แล้ว!!??
อ้าว แล้วที่อุตส่าห์บอกว่า คงจะถึงช้าหน่อย นี่มันไม่ช่วยเลยใช่ป่ะ?
เลยบอกให้พ่อกลับบ้านไปก่อนมั้ย ค่อยออกมาใหม่
แต่พ่อไม่กลับ บอกว่าไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว (ดื้อเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ )
สรุป...ถึงเกือบ 7 โมง!!
เฮ้อออออ ทั้งเหนื่อยและเพลีย
ประสบการณ์ "ระหว่างทาง" อันแสนน่าจดจำ " 22 มิ.ย.54"
No comments:
Post a Comment