Sunday, July 6, 2014

ใช้ชีวิตแบบมี Question Mark ?

06-07-2014 อีกหนึ่งวันดีๆ ในชีวิต
ชีวิตที่ผิดแผนไปบ้าง มันก็สนุกไปอีกแบบนะ
ตามที่เคยเรียนมา แผนที่ดีควรจะยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน...
ตื่นสายไปแค่ไม่กี่นาที ไปดูหนังไม่ทันรอบที่อยากจะดู
ซีดีเพลงที่อยากจะซื้อหมด stock
ไปไม่ทันฟังงานนิ้วกลมตั้งแต่แรก (ไปเอาเกือบจบงาน)
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
เรียกได้ว่าดีกว่าที่คิดเลยล่ะ...

ฉะนั้น อย่าเพิ่งท้อใจไป ถ้าเกิดทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้
เรื่องที่ดีกว่า สิ่งที่ดีกว่า อาจจะรอให้เราไปพบเจออยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้ J

ความตั้งใจแรกสำหรับวันนี้
เริ่มต้นจากการทราบข่าวว่า นิ้วกลมจะไปงานอะไรซักอย่างที่เซ็นทรัลพระราม 9 ตอนบ่าย 2
ก็เลยตั้งใจว่า ไปดูหนังก่อน หนังจบก็ออกมาซื้ออัลบั้ม #StampWiFi
เสร็จแล้วก็เอาอัลบั้ม Stamp มาให้นิ้วกลมเซ็น ตามที่ใครบางคนบอก 555+
(คิดจะทำจริงๆ นะ ^^)

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ...
ตื่นสายไปครึ่งชั่วโมง ต้องเลื่อนรอบหนัง ไปฟังนิ้วกลมไม่ทัน อัลบั้ม Stamp ไม่มีขาย
ถามว่าเซ็งไหม ตอบได้เลยว่า มาก...

หนังที่เลือกดูสำหรับอาทิตย์นี้คือ Begin Again”
เป็นครั้งแรกที่ไปดูหนังที่ไม่เคยดู Trailer รู้แค่ว่าคงเป็นหนังรัก
(เป็นคนชอบดูหนังรักคนเดียวเสียด้วยสิ...)
แค่หนังเรื่องเดียว มันเปลี่ยนและลบความรู้สึกในตอนเช้าทั้งหมดเลยนะ
เชียร์เลยสำหรับคนที่ชอบหนัง Feel Good
ความรัก ครอบครัว แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
และที่สำคัญ Soundtrack เจ๋งสุด
จดบันทึกเป็นหนังรักที่ชอบที่สุดอีกเรื่องหนึ่งไว้เลย “Begin Again”
>> Soundtrack Lost Stars

ออกจากโรงหนังประมาณบ่าย 3 โมง 15 นาที
รีบเดินไปที่ B2S เลย เพราะนิ้วกลมจะอยู่ถึง 4 โมงเย็น
จริงๆ ก็คิดไว้แล้วว่าหนังคงจบทันก่อนงานเลิก
ไปถึงก็พบว่า... คนน้อยกว่าที่คิดแฮะ

สิ่งแรกที่ทำคืออะไรรู้ไหม... น่าจะรู้นะ ถ่ายรูปไง 555+
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินเขินๆ เข้าไปใน B2S (งานจัดหน้า B2S)
คำถามคือ... เขินทำไมวะ อีนี่ท่าจะบ้า 555+
เสร็จแล้วก็เดินวนออกมาอีกทางหนึ่ง แล้วก็...ถ่ายรูปค่ะ 555+
ในใจคิด เออ แค่นี้ก็พอใจแล้ว กลับไปก็ไม่เสียเปล่า

แต่ก็ตั้งใจจะยืนฟังจนจบแหละ มองไป เห็นที่นั่งว่างเว้ย
เอาล่ะ ทุกคนกำลังตั้งใจฟัง เอาล่ะ...
รวบรวมความกล้า สยบความนิ่ง ด้วยการเป็นสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหว เดินเข้าไปนั่งแถวที่ 2
เสร็จแล้วก็... ถ่ายรูปค่ะ! (ยัง ยังไม่หยุด 555+)

ก็นั่งฟังไป ไม่รู้หรอกว่าวันนี้เค้ามาคุยกันด้วยหัวข้ออะไร
แต่ฟังไปปุ๊บ เฮ้ย ชอบอ่ะ ชอบอะไรคมๆ
อ้อ...บังเอิญพกปากกาไปด้วยล่ะ จริงๆ ก็ไม่บังเอิญนะ เอ๊ะ! เอาไงกันแน่...
คือ พกไปเผื่อจะได้ขอลายเซ็นนี่แหละ แต่หวังไว้แค่ 0%
...ก็เลยไม่ได้พกหนังสือนิ้วกลม รวมถึงสมุด/กระดาษอะไรไปเลย
พกไปแค่หนังสือเล่มเล็กๆ พอใส่กระเป๋าอ่านฆ่าเวลา เผื่อต้องรออะไรซักอย่าง

แล้วก็ดั๊นนนนน ได้ยินคำคม ทำไงล่ะๆ เปิดกระเป๋าๆๆ หากระดาษ
และสิ่งที่เจอก็คือ slip ATM ...เออ เอานี่แหละ จดเลยๆ

“คนเราควรรู้บางสิ่งในทุกอย่าง และควรรู้ทุกอย่างในบางสิ่ง”

เออ เฮ้ยจริงว่ะ
ฟังไปก็คิดไป เกิดมาจนอายุจะ 26 แล้ว เรารู้อะไรบ้าง แล้วไม่รู้อะไรบ้าง
แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ เวลาคนรอบข้างคุยกันในเรื่องเหล่านี้ เราจะหลุดจากวงสนทนาทุกครั้งไป
1 รถยนต์ 2 เกาหลี 3 หุ้น

นี่คือบางสิ่งในบางสิ่ง ที่เราไม่รู้เลย...
เคยคิดนะ ว่าจะพยายามศึกษาไว้บ้าง จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองโง่ เวลาต้องอยู่ในวงสนทนา
แต่บัดนี้ ก็ยังโง่อยู่ด้วยจริงๆ โง่ที่ไม่รู้แม้แต่บางสิ่งของบางสิ่งเลย...


“ระบบการศึกษาไทยรับเราเข้าไปด้วยเครื่องหมาย Question Mark (?)
แต่เรากลับจบออกมาด้วยเครื่องหมาย Full Stop (.)”

หมายความว่ายังไง?

เราเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อจะเรียนรู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ และอยากรู้
ชีวิตวัยเรียน เราจึงได้เรียนรู้โดยมีอาจารย์เป็นคนป้อนความรู้ให้
และพอจบการศึกษา หลายๆ คน ซึ่งเป็นคนส่วนมาก
คิดว่าเรารู้หมดทุกอย่างแล้ว ปิดตัวเองคล้ายกับการจบประโยคด้วยจุด Full Stop
เราก็เป็น หลายๆ คนก็เป็น หรือไม่จริง?

ซึ่งนี่เอง ทำให้ทุกคนประสบปัญหา เมื่อต้องออกมาพบเจอชีวิตจริงในวัยทำงาน
บ้างไม่สนใจจะเรียนรู้ บ้างก็คิดว่าที่ตัวเองรู้คือรู้หมดแล้ว
กว่าจะรู้ว่าตัวเองแทบไม่รู้ หรือรู้ไม่รอบ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว

...สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับการได้ไปฟังวันนี้คือ
หญิงเสื้อสีฟ้าลายจุดแถวหน้าที่ตั้งคำถาม ถามนิ้วกลมว่า

หนูเป็นคนหนึ่งที่ชีวิตตอนนี้เป็นจุด Full Stop มาตั้งแต่เรียนจบ
พี่คิดว่าหนูจะสร้างแรงบันดาลใจในการสร้าง Question Mark ให้เกิดขึ้นได้มั้ย
ถ้าเป็นพี่ พี่จะแนะนำหนังสือเล่มไหนของพี่
แอบสังเกตหน้า นิ้วกลมคิดหนักเลยทีเดียว
และเล่มที่เค้าแนะนำก็คือ “โตเกียวไม่มีขา” 
ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรก และคิดว่าคงไม่มีขายแล้ว ฮา.....
อีกเล่มหนึ่งคือ "อาจารย์ในร้านคุกกี้"
เล่มนี้ชอบมาก เคยเขียน review ไว้นานมาแล้ว
>> อาจารย์ในร้านคุกกี้

และตามสไตล์ของคนไทย การบรรยายอะไรต่างๆ มักจะเป็นการสื่อสารทางเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่
เวลาถามว่าใครมีคำถามมั้ย ...ความเงียบมักจะเป็นคำตอบ

แล้วงานก็จบลงด้วยการถ่ายรูปหมู่และแจกลายเซ็น
แล้วเล็กควรจะทำยังไงต่อจากนี้

ถ่ายรูปหมู่เหรอ ...เฮ้ย คนน้อยมาก ถ้าเข้าไปนี่ได้ใกล้ชิดเลยนะเว้ย
แต่มาคนเดียว ไม่กล้าว่ะๆๆๆ เอาไงดี เดินขาสั่นวนไปวนมา
แล้วก็รวบรวมความกล้า เดินเข้าไป อยู่หน้าสุดเลย ฮ่า!

ไม่มีหนังสือ... ทำไงๆ ซื้อสิซื้อๆๆๆ เดินเข้า B2S เลยจ้า
เอาเล่มไหนดี เล่มที่ชอบก็ซื้อไปหมดแล้ว
ที่สุดแล้วก็เลือก “ความฝันที่มั่นสุดท้าย”
พนักงานถามว่า ห่อปกมั้ย ไม่ค่ะไม่ (ต่อในใจว่า เดี๋ยวไม่ทัน)
แล้วก็ออกไปต่อแถวขอลายเซ็น ย้ำว่าคนน้อยมาก น้อยกว่างานหนังสือเยอะ
ก็เลยรู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่ตัดสินใจมา
และทำให้ได้ความรู้สึกดีๆ กลับไปมากกว่าที่ตั้งใจ...

เชื่อไหม ว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่เรามีความสุขมากๆ
แค่การได้ดูหนังสนุกๆ ซักเรื่อง การได้ฟังเรื่องราวดีๆ เพียงไม่กี่นาที
...ความสุขที่แทบไม่ต้องดิ้นรน ว่าต้องมีต้องเป็นเหมือนคนอื่น
เราพอใจกับความสุขที่ได้ทำอะไรแบบนี้ ทำอะไรคนเดียว แบบนี้จริงๆ นะ J

อยากฝากไว้สำหรับหลายๆ คนที่กำลังคิดว่าตัวเองหลงทาง หรือไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี
ลองเดินไปตามทางที่เลือก คิดถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ และลองตั้งใจทำมันจริงๆ ซักตั้ง
เราอาจจะต้องเดินอ้อมไปบ้าง แต่ก็อาจทำให้เราพบเจออะไรดีๆ หรือคนดีๆ ที่อาจผ่านเข้ามาก็ได้

เรียนรู้กับระหว่างทาง อย่ายึดติดว่าเราจะต้องเดินไปในทางที่เรารู้
เพราะความจริงแล้ว เราอาจจะไม่รู้อะไรเลยก็ได้...



ปารัชญ์
06-07-2014

Saturday, July 5, 2014

ความไม่พอดีที่พอดี...



เคยคิดอยู่เสมอว่าความพอดีไม่มีในโลก
หลายๆ ครั้งที่โชคชะตาเล่นตลกกับเรา
สายรถเมล์ที่เรารอ มักจะไม่มาในเวลาที่เราต้องการ
รองเท้าแบบที่เราชอบ มักจะไม่มี size
เสื้อผ้าก็คับใส่ไม่ได้ เสื้อผ้าหลวมก็ใส่ไม่สบาย
และคนที่พอดีกับเรา มักจะไม่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราบ่อยนัก

ที่สุดแล้ว เราก็ต้องอยู่กับความไม่พอดีนั้น ให้พอดีให้ได้...

มีโอกาสได้ไปสมัครสมาชิก #abooker เพราะอยากได้เสื้อ
ปกติแล้วจะประเมินความอ้วนของตัวเองผิดเสมอ
คราวนี้ก็เลยตั้งใจว่า มันจะต้องไม่เป็นแบบนั้นอีก
ดูแบบแล้ว size M ก็น่าจะพอใส่ได้ แต่ไม่ค่ะ เลือก size L
ผลก็คือ เป็น size L ที่ขนาดอย่างกับ size XXL

คำถามคือ...มันใส่ได้มั้ย? แน่นอนว่าใส่ได้
มันไม่ได้คับจนต้องพับเก็บเข้าตู้
แต่...มันก็ใส่ได้ไม่สบายอย่างที่ควรจะเป็น
มันไม่พอดี

แต่ความไม่พอดีนี้เอง มันก็ทำให้เรารู้ตัวเองว่า
เราพอใจกับมันมากพอที่จะอยู่กับความไม่พอดีนี้มากแค่ไหน
คำตอบคือ...มากโขเลยล่ะ

ถึงเสื้อจะใส่ไม่สบาย แต่มันก็ยังมีข้อดีนะ
...แบบเสื้อสวย
...อย่างน้อยก็ไม่คับ อย่างน้อยก็ใส่ได้
...ราคามันก็ไม่แพงมาก รู้สึกเหมือนซื้อเสื้อ แถมบัตรสมาชิก
...เราสามารถอ้วนได้อีก 3 เท่าของตอนนี้ เราก็ยังใส่เสื้อตัวนี้ได้นะ เจ๋งป่ะล่ะ

เช่นเดียวกัน โลกนี้มันไม่มีอะไรพอดีสำหรับเราจริงๆ หรอก
อยู่ที่เราจะรับมือกับความไม่พอดีนั้นแบบไหนต่างหาก
ชีวิตเราควรมีที่ว่างเหลือเผื่อให้หาทางออกให้กับความไม่พอดีที่จะเข้ามาอยู่เสมอ
ถ้าเรามองหาทุกอย่างที่เท่ากับเราไปเสียทุกอย่าง
บางที เราอาจจะตายก่อนจะได้พบเจอกันก็ได้
บางที สิ่งที่พอดีกับเรามันอาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้

เพื่อน...ที่ไม่พอดีกับเรา มีอยู่มากมาย
แต่... เวลาในชีวิตที่ค่อยๆ ลดลง จะเป็นตัวคัดกรองเพื่อนที่พอดีกับเราให้เอง
หรือไม่จริง?

คนรัก... ที่พอดีกับเรามีอยู่จริงไหม
...ก็อาจจะมี แต่จังหวะชีวิตไม่นำพาให้เรามาพบกัน
...คนที่พบกัน เราก็อาจจะรู้สึกว่าเขาไม่พอดีสำหรับเรา
คำถามคือ... เรารักเขามากพอที่จะอยู่กับความไม่พอดีนั้นได้ไหม?

สิ่งของ เครื่องใช้ เสื้อผ้า รองเท้า
น้อยครั้งที่เราจะรู้สึกว่ามันพอดีกับเรา ถ้าเจอก็นับว่าโชคดี
เช่นเดียวกัน มันก็อยู่ที่ว่า เราชอบมันมากพอที่จะตัดสินใจซื้อมันมารึเปล่า
แบบที่เราไม่ค่อยถูกใจ แต่ขนาดพอดีกับเรา
ขนาดที่ไม่พอดีกับเรา แต่เราถูกใจแบบของมัน
...คุณจะเลือกแบบไหน?

คำตอบสำหรับวันนี้
ใส่เสื้อ #abooker ตัวหลวมโคร่ง แล้วมีความสุขในความไม่พอดีที่ช่างพอดีกับเราจริงๆ

แล้วคุณล่ะ

Tuesday, April 8, 2014

Day 2 : ถามแม่แม่บอกดอกเหลืองๆ คือดอกราชพฤกษ์ เชื่อได้ไหมเดี๋ยวถามกูเกิ้ลอีกที โอเคนะ



อยากมีแรงเหมือนแสงอาทิตย์
หลับสบายไหมแก...
ด้านหน้า: แม่น้ำตาปี
ด้านหลัง: คลอง...คลองอะไรว้าาาา
ตรงกลาง: บ่อน้ำกลางสวนสาธารณะ
ดอกเข็มทิ่มแทงใจ
เป็นคนไม่ค่อยมั่นหน้า ดูรองเท้าเน่าๆ ไปก่อน
ต่างพื้นผิว แต่เน่าเท่ากัน
ตกลงสะดวกรึไม่สะดวก ...คือ งง

Sunday, April 6, 2014

Precious Time : ออกกำลังกาย หัวใจจะได้แข็งแรง...

ดัม-มะ-ชา-ติ
ร่วงโรย
ฟ้ายังฟ้าอยู่...

สุขที่ได้นั่งมอง

ยิ้มมมมมมม

ฮึบ!!!
ฉันและเธอจะเดินไปด้วยกัน...