Tuesday, January 1, 2013

It's time for a blogger to write some blog :)

มันยุ่งถึงขนาดต้องกลับมาอยู่บ้านเชียวหรือ ถึงจะได้เขียน blog?
ถามใครอ่ะ 555+ ไม่รู้ดิ ชีวิตแลดูยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบ ทำอะไรก็ไม่เสร็จซักอย่าง
ขนาดกลับมาบ้าน ยังต้องแบกงานกลับมาทำ
หนักมากกกกกก แต่ถามว่าได้ทำมั้ย... ก็ไม่นะ นอนลูกเดียว 555+

คราวนี้ขอเป็นบันทึกจับฉ่ายอีกรอบนะ
มีหลายเรื่องที่อยากเขียน อยากเล่าให้ฟัง แต่ก็ยังไม่มีโอกาส
ก่อนกลับกรุงเทพพรุ่งนี้ ขอจดบันทึกไว้ซักนิดละกัน

1--
ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ
ปีนี้ไม่ได้ส่ง sms ไม่ได้อวยพรอะไรใครเลย
...แบบว่า ขี้เกียจอ่ะ ไม่ใช่ไม่มีความปรารถนาดีให้ใครนะ
แต่ไม่อยากส่งไป เพียงเพื่อว่า เออ ได้ส่ง หรือเพียงเพื่อนับสถิติ ว่าคนนี้ส่งมาแล้วนะ
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขวางโลกเข้าไปทุกที
แกจะมองมุมต่างจากคนอื่นมากไปมั้ย... ไม่หรอก
เขาเรียกว่ามองโลกในสิ่งที่มันเป็น แค่นั้นเอง
เรารู้ว่า โลกไม่ได้สวย จะให้เรามองบวกตลอดเวลา เราทำไม่ได้
ไม่อยากให้หลายๆคน หลงระเริงไปกับสิ่งที่มันกำลังเปลี่ยนไป
หลงระเริงไปกับสิ่งที่กำลังเป็น ก็เลยต้องยั้งๆ ไว้บ้าง
ไม่ว่ากันนะ :)

2 --
ก่อนกลับบ้าน ที่บริษัทมีแจกของขวัญปีใหม่
แล้วก็แจกซองโบนัส ซึ่งจะเรียกเข้าไปรับทีละคน
ตอนแรกก็คิดไว้ ว่าเอาซองใบลาออกแลกซองโบนัสดีมั้ย เก๋ๆ
แต่ก็ไม่ได้ทำ คิดคำพูดไว้ตั้งมากมาย แต่ก็ไม่ได้พูด
ได้แต่พยักหน้า ค่ะๆๆๆ มองหน้า มองนม มองไหล่ มองเพดาน มองชั้นวางหนังสือด้านหลัง
...เขาบอกว่า ส่งที่ควรปรับปรุง คือเรื่องคุณภาพงาน กับเรื่องกำหนดงาน
เรื่องกำหนดงาน ทางหัวหน้าก็คง force ต่อมาเอง
แต่เรื่องคุณภาพงาน อยากให้มีสมาธิ ตั้งใจให้มากกว่านี้
งานจะได้ออกมาดี ให้มองที่เป้าหมายเดียวกัน
ให้ใช้เหตุผล อย่าใช้ความรู้สึก

-- ฟังหนูบ้างนะคะ
ต่อจากนี้ไม่ใช่ข้ออ้าง หรือข้อแก้ตัว แค่อยากพูดอะไรบ้างแค่นั้น
หนูรู้ค่ะ ว่าหนูทำงานได้ไม่ดี มันเป็นสิ่งที่ไม่ถนัดเลยจริงๆนะ
กับการมานั่งคิดอะไรแทนคนที่เป็นครู
อีกอย่างนะคะ ถ้าคุณได้ลองอ่านต้นฉบับดิบๆ จากอาจารย์ที่ส่งมา
ถ้าคุณรู้ซักนิด ว่าต้นฉบับมันไม่ใช่แค่มาตรวจๆคำผิด ส่งแก้ แล้วก็เสร็จ
ถ้างานมันพอจะมีคุณภาพมาบ้างแต่ต้น มันก็คงไม่แย่มากนัก
พิจารณาผู้เขียนที่เลือกมาเขียนด้วยดีไหมคะ
อย่าสักแต่เลือกมาสักแต่เขียนส่งให้เสร็จ ได้เงิน ต่อจากนั้นไม่ต้องสนใจ

ส่วนเรื่องให้ใช้เหตุผล มากกว่าความรู้สึก
แรกๆ หนูใช้เหตุผลตลอดนะคะ แต่หลังจากวันนั้น
ใจหนูก็ไม่เหลือแล้ว จะให้หนูทุ่มเทให้งานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็ไม่ได้หรอกนะ...
กับคนที่ไม่มีเหตุผลด้วย ใช้เหตุผลด้วย มันก็ไม่ได้อะไร
ถ้าไม่เริ่มรู้สึก มันก็นำไปสู่เหตุผลไม่ได้หรอกค่ะ...

อย่าเอาเปรียบกัน อย่าเอาแต่ได้ ปารัชญ์ไม่ชอบโดนเอาเปรียบ รับทราบไว้นะคะ
ทำมาหากิน ทำงานแลกเงินค่ะ...

3--
ก่อนปีใหม่ มีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องสุดยอดมนุษย์เงินเดือน
หนังสะท้อนปัญหา แดกดันสังคมได้ดีเลยทีเดียว
ลองเขียน 10 อย่างที่จะทำในปีหน้า ดีป่ะ? อ่ะๆ เริ่มเลยนะ เอาแบบเว่อร์ๆเลยนะ
๑) ปีหน้าจะโทรหาพ่อแม่ให้บ่อยขึ้น
๒) ปีหน้าจะต้องหางานใหม่ให้ได้ งานใหม่จะไม่ไปทำงานสาย จะใช้ชีวิตทำงานให้มีความสุขกว่านี้
- พี่บอกว่า เห็นทำงานนี้แล้วไม่มีความสุข ...นี่แสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ
๓) ปีหน้าจะเก็บเงินให้ได้มากที่สุด ต้องประหยัดละนะ แต่ขอเว้นเรื่องดูหนังไว้อย่างหนึ่งนะ
๔) ปีหน้าจะตั้งใจเรียน ซึ่งปกติไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ มาขยันเอาตอนจะสอบทีไร มันไม่ทันทุกที คำบรรยายที่อัดมา ก็ไม่เคยได้ฟัง อัดมาเปลืองเมมมากๆ เอาแค่ตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจให้ได้มากที่สุดละกัน
๕) ปีหน้าจะกวนตีนให้น้อยลง จะพูดให้มากขึ้น ...ทำได้เหรอ? 555+ ทำไม่ได้หรอก เป็นผู้ฟังที่ดีแบบนี้อ่ะดีแล้ว
๖) ปีหน้าจะลดความอ้วน ...กี่ปีแล้วที่แกบอกจะลดความอ้วน ทำไมเคยได้ ปีนี้ก็ทำไม่ได้หรอก 555+
- - - คิดไม่ออกแล้ว ไม่ค่อยอยากทำอะไรเท่าไหร่ ไว้คิดออกแล้วจะมาเขียนต่อนะ...

4--
ว่ากันด้วยเรื่องเรียน ผ่านไปแล้ว 1 เทอม ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล
ได้ไปเรียนในระดับที่สูงขึ้น ได้เจอกลุ่มคนที่ทั้งแข่งขันกันและช่วยเหลือกัน
ไม่คิดว่าจะเจอคนที่มีความคิดว่า เมื่อไหร่จะเลิกเรียน จะได้กลับไปอ่านหนังสือ
...แม่เจ้า!! เกิดมา 20 กว่าปี ไม่เคยมีความคิดแบบนี้ ไม่เคยคิดจะทำด้วย
อย่างที่รู้ว่าเราเรียนภาษาอังกฤษมา เป็นวิชาที่เวลาสอบไม่เคยต้องอ่านหนังสือ
...แล้วทำข้อสอบได้ไง? ...ใช้ sense ไง นี่เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งนะ
ที่เวลาใครถามอะไร ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่ว่า ก็มันเป็นอย่างนี้ มันต้องตอบอย่างนี้
แต่พอมาเจอสังคมแบบนี้ เราก็ต้องเพิ่มความขยันขึ้นมาอีกนิดนึง ย้ำว่านิดนึงเท่านั้น
เพราะเป็นคนขี้เกียจ อ่านหนังสือนานๆ ไม่ได้
ยิ่งวิชาคำนวณด้วยแล้ว มันไม่ใช่ทางเลย แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด
ซึ่งมันก็ผ่านมาได้ ...ผ่านมาได้ยังไงก็ไม่รู้

เรื่องเกรดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ
หลังจากเกรดออก เพื่อนๆ หลายคนก็เครียดกัน เพราะหวังไว้เยอะ
แต่มันกลับไม่ได้อย่างที่หวัง แต่สำหรับเรามันโอเค โอเคในระดับที่เรารู้ตัวเองดี
ว่าเราอยู่ระดับไหน เราไม่อยากให้พากันคิดมาก เครียดมาก ...จะบอกอะไรให้ฟังนะ

สมัยเรียนปริญญาตรี ...ด้วยวิธีการเรียนที่ใช้ sense มาตลอด
แล้วก็...เราเป็นคนตั้งใจเรียน ไม่โดดเรียน ไม่เคยเข้าเรียนสาย ทำให้ดีที่สุด ทั้งๆที่เราไม่ถนัด
ผลคือ ได้เกรดเยอะ บวกกับจบมาพร้อมเกียรตินิยมอันดับ 2
แต่...เราไม่เคยฝึกงาน เราไม่มีประสบการณ์
เราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เราเป็นเด็กเกียรตินิยมที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
โคตรกดดันเลยนะ ...เกรดมันค้ำคอ เกียรตินิยมมันค้ำคอ ว่าคุณต้องมีความสามารถนะ
ถ้าเลือกได้ ขอจบแบบแค่ผ่านก็พอ
ที่พูดมาทั้งหมด ถ้าคนคิดเป็น และเข้าใจว่าเราจะสื่ออะไร
ต้องเข้าใจ ว่าเราไม่ได้อยากโม้ ว่าเราจบเกียรตินิยมมา
...แค่อยากให้คิดว่า ถ้าเรามั่นใจว่าเรามีความสามารถ เกรดมันก็แค่เกรด
มันก็แค่ทางผ่านให้เราเรียนรู้ เพื่อเดินไปยังเป้าหมาย ก็แค่นั้นเอง
"ตั้งใจเรียน เอาความรู้ เพื่อไปใช้ ก็พอ... เชื่อเรานะ"

----------------------------
พอแค่นี้ก่อนละกันเนอะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้แวะเข้ามาเขียนอีก
ขอบคุณมากสำหรับคนที่มีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
ขอบคุณมากที่เข้ามารับรู้ความคิดของเรา
ปีเก่าผ่านไปแล้ว ...โลกไม่แตก เราก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตกันต่อไป
สิ่งเดียวที่อยากขอก็คือ ขอมีชีวิตที่ไม่ต้องอดทน ไม่ต้องรู้สึกว่าทรมานทุกครั้งที่หายใจ
...ขอแค่นี้ ให้เราได้มั้ย

ปารัชญ์
1/1/56

No comments:

Post a Comment