Friday, January 4, 2013

ที่นี่ประเทศไทย


....ขอนิ่งไว้อาลัยก่อนเขียน blog นี้ซัก 3 วิ

1
2
3

...เป็นแค่คนๆหนึ่ง เป็นคนธรรมดา ที่ชอบดูละครหลังข่าว
ไม่ใช่คนที่ทำประโยชน์อะไรมากมายให้กับบ้านเมือง
แค่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ละครไม่มีตอนจบ
ละคร "เหนือเมฆ2" โดนระงับไม่ให้ออกอากาศ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่เหมาะสม"
ผ่านไป 1 คืน ก็ยังไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้อง ออกมาบอกว่า "ไม่เหมาะสม" อย่างไร

อยากรู้จริงๆ นะ บอกหน่อยเถอะ

ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
แรกๆ ก็คิดว่าคงเป็นเพราะอดดูหมาก ปริญ รึเปล่า
แต่คิดไปคิดมา แค่ไม่ได้ดูผู้ชาย มันไม่น่าฟูมฟาย โวยวาย ทุรนทุราย ขนาดนี้
คนที่ไม่เคยดู ไม่ดูละคร คงหาว่าพวกที่มีอาการแบบนี้ จะอะไรนักหนา เว่อร์ไปรึเปล่า

...แต่ไม่ใช่หรอก เราว่าเราไม่ได้เว่อร์ แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมเราจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่องฟรีทีวี เราดูได้ฟรีๆ แต่คุณเล่นมาหลอกให้เสียวแล้วก็เลี้ยวกลับ
...มันไม่แฟร์นะคะ

ขอพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
ที่ไม่ได้เลือกข้างใดข้างหนึ่งจริงๆ
สมัยทักษิณเป็นนายก ก็ชอบเค้านะ เค้าก็ทำอะไรให้ประเทศเราเยอะ
แต่ก็เอาอะไรจากประเทศเราไปเยอะเหมือนกัน
...มันเป็นเรื่องปกติ ของคนที่มีอำนาจในมือ
สมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เค้าก็ทำอะไรให้ประเทศเราเยอะ
แต่ก็เอาอะไรจากประเทศเราไปเยอะเหมือนกัน
...ต่างกันตรงที่ฝ่ายหลัง ภาพลักษณ์ในเรื่องการทุจริต แย่น้อยกว่า

...เราเชื่อเสมอว่าโลกไม่สวย เราเชื่อเสมอว่า คนที่เล่นการเมือง "ไม่มีใครดีจริง"
แต่เขาก็เสียสละเข้ามาทำเพื่อประเทศชาติ ถ้าหากเขาจะทำเพื่อตัวเองให้น้อยลง ก็คงจะดี...
...ต่างกับหลายๆ คน ที่มีดีแต่ปาก สักแต่พูด ด่าคนโน้นคนนี้ไปทั่ว
แต่ไม่ทำอะไรเลย คำพูดไม่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น (เราก็กำลังด่าตัวเองอยู่เหมือนกัน)

เกริ่นมาทั้งหมด เพื่อจะบอกว่า เราพยายามแล้วที่จะไม่ใส่อคติลงไป
เราไม่ใช่แดง เราไม่ใช่เหลือง (ไม่บังคับให้เชื่อนะ แล้วแต่ละกัน)

ว่ากันด้วยเรื่อง "เหนือเมฆ2" ...ทำไมถึงดูละครเรื่องนี้
...ตอนแรกก็ดูเพราะไม่มีอะไรดู แต่ความสนุกของละคร
ทำให้ต้องดูอย่างไม่ให้คลาดสายตา ถ้าพลาดก็จะดูต่อไม่รู้เรื่อง แล้วก็กลายเป็นติด
ติดอะไร ติดหมาก ติดหมวดแสงกล้า ที่หล่อ หล่อจริงจังเลยล่ะ

...ให้เล่าจริงจังก็คงเล่าได้ไม่หมด จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศๆ หนึ่ง มีนายกรัฐมนตรีที่โคตรดี (แสดงโดยตู่ นพพล)
เป็นนายกฯ ในอุดมคติ ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน

มีสตรีหมายเลขหนึ่งที่โคตรเก่ง บู๊มาก เคยเป็นตำรวจมาก่อน (นก สินจัย)
คอยสนับสนุน และปกป้องสามีตลอด ยึดมั่นในความดี

มีตัวร้ายเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง (ดอม เหตระกูล) ที่เล่นไสยศาสตร์
ใช้อำนาจมืด บีบบังคับคนในคณะรัฐมนตรี ให้ทำตามความต้องการของตน
เพื่อผลประโยชน์ของธุรกิจของตน ซึ่งทำร่วมกับแม่ของนางเอก แพรไพลิน (มิ้นท์ ชาลิดา)
แสดงโดย ต่าย เพ็ญพักตร์ และตัวร้ายที่สุดของเรื่องก็คือ นก ฉัตรชัย (จำชื่อตัวละครไม่ได้)
ซึ่งสามารถทำได้ทุกอย่าง ใช้ไสยศาสตร์ให้ตัวละครที่มีจิตไม่นิ่ง ทำตามความต้องการของตัวเองได้หมด
อีกคนหนึ่งก็คือ ผบ.รวิ (พิมพ์ ซอนย่า) เป็นตำรวจ ที่คอยช่วยเหลือนก ฉัตรชัย ชัดๆก็ตำรวจเลวน่ะ

อีกหนึ่งภาคคนดีก็คือ จ่าสมิง (อ๊อฟ พงพัฒน์) เป็นจ่าที่เพี้ยนๆ
แต่เป็นตัวพิทักษ์ความดี รู้ทันและเอาชนะไสยดำได้ทุกอย่าง (ยังไม่เคยเห็นพลาดพลั้งนะ เจ๋งจริง)
และอีกคนคือ หมวดแสงกล้า (หมาก ปริญ) ผู้หมวดสุดหล่อ
ที่ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง จนมาเจอจ่าสมิงนี่แหละ
ที่บอกว่าตัวเองจะเป็นฮีโร่ ปราบนก ฉัตรชัยได้
เรื่องเนื้อเรื่องถึงตอนที่ได้ดู ...หมวดแสงกล้า ยังไม่ได้เริ่มปราบเลย อดๆๆ

อีก 2 ตัวละครก็คือ นักข่าวสาว (อายส์ กมลเนตร) ขวัญใจเรา
เป็นนักข่าวที่พิทักษ์ความดีเหมือนกัน แต่แอบชอบหมวดแสงกล้า ทำให้เราไม่ปลื้ม
และเลขานายกฯ (ดาราใหม่) ซึ่งเป็นแฟนเก่าของแพรไพลิน เป็นคนดีนะ
อ้อ... ตอนนี้ แพรไพลินเป็นคู่หมั้นของรัฐมนตรีคนนั้น ซึ่งเป็นคนไม่ดี แต่โดนแม่บังคับ
พระนาง คือ หมาก-มิ้นท์ น่ารักมากกกกก ขอบอก

ตัวร้ายในเรื่อง (ดอม เหตระกูล) พยายามกำจัดนายกฯ
เพราะขัดขวางโครงการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง
- ความพยายามครั้งแรก เข้าสิงนางเอกให้ขโมยเพชร แต่จ่าสมิงก็ทำให้พระเอกช่วยนางเอกจนได้
- ความพยายามครั้งที่ 2 เข้าสิงเลขานายกฯ และยิงนายกฯ จนเป็นเจ้าชายนิทรา
ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ก็เลยแต่งตั้งตัวเองปฏิบัติราชการแทน
อนุมัติโครงการ 4 โครงการภายในวันแรกวันเดียวที่เข้ารับตำแหน่ง (เลวได้ใจ)
- ในวันให้สัมภาษณ์นักข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีนักข่าวที่ดันโพล่งถามออกไป
ว่าโครงการที่อนุมัติไปนั้น เป็นการเอื้อประโยชน์กับธุรกิจหรือไม่
ผลก็คือ... นักข่าวทุกคนที่ถาม ...ตายหมด หลังจากจบการสัมภาษณ์ ด้วยอำนาจของไสยดำ

คนร้ายก็ร้ายใจหาย คนดีก็ดีใจหาย...
หากการสะท้อนมุมมองของสังคมผ่านละคร ไม่สามารถทำได้ในประเทศนี้ ก็แย่เกินไปนะ...

เรื่องนี้สอนอะไรเรา

-- นายกรัฐมนตรีในอุดมคติ เราเชื่อว่าทุกคนฝันว่าอยากมีนายกฯ แบบนี้
คำพูดหนึ่งที่ เมฆา พูดก็คือ "ถ้ายังไม่รู้จักคำว่าคน ความดี ศีลธรรม อย่าเล่นการเมือง เพราะมันจะทำให้สภาสกปรก ประเทศชาติล่มจม" >>> คำพูดแดกดัน อาจกระทบจิตใจใครหลายๆ คน ที่ไม่รู้จักคำว่าคน ความดี ศีลธรรม แล้วกำลังเล่นการเมือง ทำสภาสกปรก นำพาประเทศชาติให้ล่มจม

-- เรื่องนี้ ไสยดำจะสามารถเข้ามามีอำนาจเหนือจิตใจเราได้ ก็เฉพาะคนที่จิตไม่นิ่งเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า ถ้าเราตั้งมั่นในความดี สิ่งชั่วร้ายแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ คือ...มันต้องละอายเกรงกลัวต่อบาป ละครมันสอนคน กระตุ้นให้เราศรัทธาในความดี เหมือนเช่น นก สินจัย เป็นคนที่ศรัทธาในความดี อำนาจชั่วก็เลยทำอะไรไม่ได้ >>> ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ดูแล้วก็แบบ...เฮ้ย ถ้าทำดีแล้วสิ่งชั่วร้ายมันจะทำอะไรเราไม่ได้จริงๆ ก็น่าทำเว้ย ความดีน่ะ

-- ในละคร จะเห็นได้ว่า คนไม่ดีมีอยู่ในทุกวงการ ทั้งในวงการธุรกิจ การเมือง และวงการตำรวจ คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หาผลประโยชน์ส่วนตนตลอด  แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตัวละครเหล่านี้ ก็ต้องมีจุดจบทุกคน เพราะ "ความดีไม่มีวันตาย คนดีไม่มีวันพ่ายแพ้ต่ออำนาจชั่ว" ผบ.นภา กล่าวไว้  >>> ตัวละครเหล่านี้ก็เป็นตัวแบบให้มนุษย์ได้เรียนรู้ถึงผลของการทำชั่ว โดยไม่ต้องลองทำชั่วด้วยตัวเอง ว่าผลสุดท้าย ความดีก็ต้องชนะทุกสิ่งอยู่ดี

-- มาพูดถึงพระเอกกันบ้างนะ "หมวดแสงกล้า" แสดงโดยหมาก ปริญ เป็นนายตำรวจหนุ่มมาดกวน ชายเสื้อด้านซ้ายหลุดออกนอกกางเกงเสมอ >>> ก็เท่ดี แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ดูไม่สุภาพ กับการแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่จุดนี้ก็เป็นประโยชน์นะ เพราะตอนที่ตัวร้ายปลอมตัวเป็นพระเอก ก็เอาเสื้อใส่ในกางเกงซะเรียบร้อยเชียว รู้เลยว่าตัวปลอม ความน่ารักอย่างหนึ่งก็คือ ตอนที่พระเอกไปช่วยนางเอกที่บ้าน แล้วตัวร้ายปลอมตัวเป็นนางเอก อ้าว...ทำไงล่ะ มีนางเอก 2 คนจะเลือกยิงใครดี หมวดแสงกล้าเลยถามนางเอกว่า "แพรไพลิน ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน?" โอ้โห...เอาฮาได้อีก แต่ก็ได้ผลนะ โดนคำด่าจากนางเอกสวนมา รู้เลยว่าใครตัวจริงใครตัวปลอม

-- ส่วนนางเอก "แพรไพลิน" ที่มีคนเอาชื่อไปโยงกับลูกสาวของทักษิณอีก ...เอ้อ ก็เข้าใจคิดเนอะ เราว่าอย่าไปคิดถึงขั้นนั้นเลย ลองมองในอีกแง่หนึ่งนะ เขาเป็นพ่อลูกกัน เราเป็นลูก ไม่ว่าพ่อจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี ...ก็พ่อลูกกัน เขาก็มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตในสังคมเหมือนคนปกติ อย่ามองว่าเขาเป็นคนไม่ดี เพราะเขาเป็นลูกของคนที่คุณคิดว่าเป็นคนไม่ดี ...เป็นมนุษย์ต้องแยกแยะให้ออก อย่าเหมารวม ถ้าจะมองเขาเป็นคนไม่ดี ก็มองที่ตัวเขาเองดีกว่านะ ...โดยส่วนตัว ถ้าจะเอาชื่อนางเอกเป็นส่วนหนึ่งของการถอดละคร แม่งโคตรไร้สาระ

-- นักข่าว ที่ชื่อ "น้ำใส" น่าจะเป็นตัวแทนของสื่อมวลชน ที่ทำหน้าที่โดยสุจริต ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใดๆ หากมองย้อนกลับในสังคมไทยปัจจุบัน ก็มีสื่อมวลชนสายการเมืองคนหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์เป็นประเด็นอยู่ในสังคม >>> หรือคิดว่าสื่อมวลชนไม่สามารถถามอะไรที่คุณไม่อยากตอบ ต้องรับรู้เพียงแต่สิ่งที่คุณอยากป้อน ป้อนเข้าสู่สมองประชาชนเท่านั้น

-- "จ่าสมิง" เป็นตัวละครที่โคตรเท่ เจ๋ง เก่ง >>> ไม่รู้จะบรรยายยังไง ถ้ามีคนดีๆ เก่งๆ คอยพิทักษ์ความดีอย่างจ่าสมิงอยู่ในสังคมเยอะๆ คนชั่วมันต้องเหนื่อยที่จะทำชั่วบ้างล่ะวะ พี่จ่าเค้าเก่งขนาดนั้น แล้วก็...อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ แสดงดีมากๆ เลยนะ ใครไม่เคยดูละครเรื่องนี้ ต้องลองไปหาดู

-- และสุดท้าย นก ฉัตรชัย ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายอธรรม ทำทุกอย่างที่เลว ทำทุกอย่างที่คนดีเขาไม่ทำกัน อีกลักษณะหนึ่งก็คือ เมื่อพ่ายแพ้จากการสู้กับจ่าสมิง มันจะพักฟื้น 1 ตะวัน 1 ราตรี ...ช่วงนี้แหละ ฝ่ายธรรมะจะรีบทำอะไรก็ทำ เพราะจะไม่มีตัวร้ายมาขัดขวาง เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ทำอะไรไม่ได้นี่คือทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นะ เหมือนต้องไปนอนสมานแผล จนหายแล้วถึงจะกลับมาทำชั่วต่อได้





อ่านแล้ว รู้สึกยังไงกันบ้าง... (หากมีข้อมูลใดคลาดเคลื่อน ก็ขออภัยด้วย)
ต้นเรื่อง ปูทางให้คนศรัทธาในความดี ยึดมั่นที่จะทำความดี
เมื่อเราทำความดี อำนาจชั่วร้ายก็จะมาข้องแวะกับเราไม่ได้

มันยุติธรรมแล้วเหรอ ที่เราจะไม่มีโอกาสได้ดูตอนจบ
ตอนจบที่ว่าตัวร้ายจะพบจุดจบยังไง คนดีจะมีที่ยืนในสังคมหรือเปล่า


ขอพูดในฐานะผู้บริโภคสื่อโทรทัศน์คนหนึ่ง
เราเข้าใจว่า ละครที่เราดูกันก็ดูในช่องฟรีทีวี ดูกันฟรีๆ
หากจะมองว่า ดูฟรี ก็ดูๆ กันไปเถอะ อย่าเรียกร้องอะไรมากมาย
คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้

แต่เหตุผลที่ว่า "ไม่เหมาะสม" นั้นเราหาไม่เจอ
ถ้าไม่เหมาะสมจริง เรทละครที่จัดก่อนออนแอร์ก็มี
ก่อนปล่อยให้ละครออกฉายก็ควรตรวจสอบก่อนแล้วไม่ใช่หรือ
อยู่ดีๆ มาบอกว่า "ไม่เหมาะสม" เมื่อฉายไปค่อนเรื่อง
...มัน "ไม่สมเหตุสมผล" เลยค่ะ บอกตรงๆ

อีกอย่างหนึ่ง พอทราบมาว่า ทางช่องก็ได้จ่ายเงินให้แก่ผู้จัดไปครบแล้ว
นั่นหมายความว่า ผู้จัดละครไม่ได้เสียรายได้จากการไม่ได้ออกอากาศ
แต่เป็นทางช่องต่างหาก ที่จ่ายเงินฟรีๆ แถมคำด่าจากแฟนละคร
แฟนละครของช่อง 3 ที่มีสโลแกนว่า "คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3"
หลายๆ คนคงคิดว่า ...ไม่คุ้มแล้วล่ะ ทำกันแบบนี้
...แต่เชื่อเถอะว่าคนไทยลืมง่าย ช่อง 3 ยังมีณเดชน์ ยังมีบอย ปกรณ์
ยังมีนักแสดงหลายๆ คนที่มีละครน้ำเน่าเบาสมอง ออกมาให้เราได้ดูกัน
...ที่สุดแล้ว เราก็ยังดูละครช่อง 3 อยู่ดี

แต่ฝ่ายที่เสีย เสียที่ว่าอาจไม่ใช่เสียเงิน หรือขาดทุนใดๆ
แต่กลายเป็น "เสียความรู้สึก" ก็คงเป็นผู้สร้างละคร
เราเห็นนักแสดงเขาพูดถึงละครเรื่องนี้กันนานมาก นั่นหมายความว่า
เขาคงทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก เมื่อสิ่งที่ทุ่มเทลงไป
กลับได้รับผลตอบแทนแบบนี้ เขาก็คงท้อแท้เหมือนกันนะ
...แต่เชื่อว่า เขาคงต้องยอมรับ และทำใจ
และเราก็...เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ

ส่วนที่ว่า การเมืองจะมีส่วนในการถอดละครเรื่องนี้หรือไม่
เราตอบไม่ได้ เพราะไม่มีใครพูดอะไร ฝ่ายการเมืองก็บอกว่า
ไม่เคยดูละครเรื่องนี้ ไม่รู้เลยว่าละครเรื่องนี้เป็นยังไง แล้วจะสั่งถอดได้ยังไง
...คุณทำงานเพื่อบ้านเมืองขนาดนี้ จนคุณไม่มีโอกาสได้ดูละคร เราขอบคุณมาก
แต่ภรรยาที่บ้านคุณไม่ดูเหรอคะ คงต้องบอกเล่าให้ฟังบ้างแหละเนอะ
...แค่คิดนะ ไม่ได้ว่าใคร อาจจะเป็นทางช่องที่พิจารณาเองก็ได้ อันนี้เราไม่รู้

Lord Acton ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับอำนาจไว้อย่างน่าสนใจว่า “ ที่ใดมีอำนาจที่นั่นย่อมมีการฉ้อฉล ที่ใดมีอำนาจเหลือล้นที่นั่นย่อมมีการฉ้อฉลสุดประมาณ” power tends to corrupt and absolute power corrupts absolutely.

หากเรื่องนี้มีอำนาจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจริง คนไร้อำนาจอย่างพวกเราก็คงทำอะไรไม่ได้
เพราะเราได้มอบอำนาจให้เขาเข้าไปทำหน้าที่แทนเราในทางการเมืองไปแล้ว
ถ้าเขาคิดจะใช้อำนาจที่เรามอบให้ไปในทางที่ผิด โดยไม่ละอาย ...ก็จนปัญญา


หากมีทางแก้ ถ้าผู้บริโภคร้องเรียนต่อ กสทช.
ถ้าผู้บริโภคชนะ จะมีโอกาสบ้างมั้ย ที่ช่อง 3 จะไม่แค่โดนปรับ
แต่จะโดนบังคับให้ออกอากาศตอนที่เหลือจนจบ :)
ได้แต่หวัง หวังว่าจะมีทางเป็นไปได้


ขอย้ำว่าละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ที่คน คนที่เป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสูงควรจะดู และมีโอกาสได้ดู
ขอย้ำว่า คนที่เป็นมนุษย์นั้นมีความคิด ไม่ได้โง่ อย่ามาคิดแทนว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
ขอย้ำว่า ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย อย่าทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีเสรีภาพทางความคิดเลย

ฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ
ขอบคุณค่ะ

ปารัชญ์.

Tuesday, January 1, 2013

It's time for a blogger to write some blog :)

มันยุ่งถึงขนาดต้องกลับมาอยู่บ้านเชียวหรือ ถึงจะได้เขียน blog?
ถามใครอ่ะ 555+ ไม่รู้ดิ ชีวิตแลดูยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบ ทำอะไรก็ไม่เสร็จซักอย่าง
ขนาดกลับมาบ้าน ยังต้องแบกงานกลับมาทำ
หนักมากกกกกก แต่ถามว่าได้ทำมั้ย... ก็ไม่นะ นอนลูกเดียว 555+

คราวนี้ขอเป็นบันทึกจับฉ่ายอีกรอบนะ
มีหลายเรื่องที่อยากเขียน อยากเล่าให้ฟัง แต่ก็ยังไม่มีโอกาส
ก่อนกลับกรุงเทพพรุ่งนี้ ขอจดบันทึกไว้ซักนิดละกัน

1--
ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ
ปีนี้ไม่ได้ส่ง sms ไม่ได้อวยพรอะไรใครเลย
...แบบว่า ขี้เกียจอ่ะ ไม่ใช่ไม่มีความปรารถนาดีให้ใครนะ
แต่ไม่อยากส่งไป เพียงเพื่อว่า เออ ได้ส่ง หรือเพียงเพื่อนับสถิติ ว่าคนนี้ส่งมาแล้วนะ
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขวางโลกเข้าไปทุกที
แกจะมองมุมต่างจากคนอื่นมากไปมั้ย... ไม่หรอก
เขาเรียกว่ามองโลกในสิ่งที่มันเป็น แค่นั้นเอง
เรารู้ว่า โลกไม่ได้สวย จะให้เรามองบวกตลอดเวลา เราทำไม่ได้
ไม่อยากให้หลายๆคน หลงระเริงไปกับสิ่งที่มันกำลังเปลี่ยนไป
หลงระเริงไปกับสิ่งที่กำลังเป็น ก็เลยต้องยั้งๆ ไว้บ้าง
ไม่ว่ากันนะ :)

2 --
ก่อนกลับบ้าน ที่บริษัทมีแจกของขวัญปีใหม่
แล้วก็แจกซองโบนัส ซึ่งจะเรียกเข้าไปรับทีละคน
ตอนแรกก็คิดไว้ ว่าเอาซองใบลาออกแลกซองโบนัสดีมั้ย เก๋ๆ
แต่ก็ไม่ได้ทำ คิดคำพูดไว้ตั้งมากมาย แต่ก็ไม่ได้พูด
ได้แต่พยักหน้า ค่ะๆๆๆ มองหน้า มองนม มองไหล่ มองเพดาน มองชั้นวางหนังสือด้านหลัง
...เขาบอกว่า ส่งที่ควรปรับปรุง คือเรื่องคุณภาพงาน กับเรื่องกำหนดงาน
เรื่องกำหนดงาน ทางหัวหน้าก็คง force ต่อมาเอง
แต่เรื่องคุณภาพงาน อยากให้มีสมาธิ ตั้งใจให้มากกว่านี้
งานจะได้ออกมาดี ให้มองที่เป้าหมายเดียวกัน
ให้ใช้เหตุผล อย่าใช้ความรู้สึก

-- ฟังหนูบ้างนะคะ
ต่อจากนี้ไม่ใช่ข้ออ้าง หรือข้อแก้ตัว แค่อยากพูดอะไรบ้างแค่นั้น
หนูรู้ค่ะ ว่าหนูทำงานได้ไม่ดี มันเป็นสิ่งที่ไม่ถนัดเลยจริงๆนะ
กับการมานั่งคิดอะไรแทนคนที่เป็นครู
อีกอย่างนะคะ ถ้าคุณได้ลองอ่านต้นฉบับดิบๆ จากอาจารย์ที่ส่งมา
ถ้าคุณรู้ซักนิด ว่าต้นฉบับมันไม่ใช่แค่มาตรวจๆคำผิด ส่งแก้ แล้วก็เสร็จ
ถ้างานมันพอจะมีคุณภาพมาบ้างแต่ต้น มันก็คงไม่แย่มากนัก
พิจารณาผู้เขียนที่เลือกมาเขียนด้วยดีไหมคะ
อย่าสักแต่เลือกมาสักแต่เขียนส่งให้เสร็จ ได้เงิน ต่อจากนั้นไม่ต้องสนใจ

ส่วนเรื่องให้ใช้เหตุผล มากกว่าความรู้สึก
แรกๆ หนูใช้เหตุผลตลอดนะคะ แต่หลังจากวันนั้น
ใจหนูก็ไม่เหลือแล้ว จะให้หนูทุ่มเทให้งานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็ไม่ได้หรอกนะ...
กับคนที่ไม่มีเหตุผลด้วย ใช้เหตุผลด้วย มันก็ไม่ได้อะไร
ถ้าไม่เริ่มรู้สึก มันก็นำไปสู่เหตุผลไม่ได้หรอกค่ะ...

อย่าเอาเปรียบกัน อย่าเอาแต่ได้ ปารัชญ์ไม่ชอบโดนเอาเปรียบ รับทราบไว้นะคะ
ทำมาหากิน ทำงานแลกเงินค่ะ...

3--
ก่อนปีใหม่ มีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องสุดยอดมนุษย์เงินเดือน
หนังสะท้อนปัญหา แดกดันสังคมได้ดีเลยทีเดียว
ลองเขียน 10 อย่างที่จะทำในปีหน้า ดีป่ะ? อ่ะๆ เริ่มเลยนะ เอาแบบเว่อร์ๆเลยนะ
๑) ปีหน้าจะโทรหาพ่อแม่ให้บ่อยขึ้น
๒) ปีหน้าจะต้องหางานใหม่ให้ได้ งานใหม่จะไม่ไปทำงานสาย จะใช้ชีวิตทำงานให้มีความสุขกว่านี้
- พี่บอกว่า เห็นทำงานนี้แล้วไม่มีความสุข ...นี่แสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ
๓) ปีหน้าจะเก็บเงินให้ได้มากที่สุด ต้องประหยัดละนะ แต่ขอเว้นเรื่องดูหนังไว้อย่างหนึ่งนะ
๔) ปีหน้าจะตั้งใจเรียน ซึ่งปกติไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ มาขยันเอาตอนจะสอบทีไร มันไม่ทันทุกที คำบรรยายที่อัดมา ก็ไม่เคยได้ฟัง อัดมาเปลืองเมมมากๆ เอาแค่ตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจให้ได้มากที่สุดละกัน
๕) ปีหน้าจะกวนตีนให้น้อยลง จะพูดให้มากขึ้น ...ทำได้เหรอ? 555+ ทำไม่ได้หรอก เป็นผู้ฟังที่ดีแบบนี้อ่ะดีแล้ว
๖) ปีหน้าจะลดความอ้วน ...กี่ปีแล้วที่แกบอกจะลดความอ้วน ทำไมเคยได้ ปีนี้ก็ทำไม่ได้หรอก 555+
- - - คิดไม่ออกแล้ว ไม่ค่อยอยากทำอะไรเท่าไหร่ ไว้คิดออกแล้วจะมาเขียนต่อนะ...

4--
ว่ากันด้วยเรื่องเรียน ผ่านไปแล้ว 1 เทอม ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล
ได้ไปเรียนในระดับที่สูงขึ้น ได้เจอกลุ่มคนที่ทั้งแข่งขันกันและช่วยเหลือกัน
ไม่คิดว่าจะเจอคนที่มีความคิดว่า เมื่อไหร่จะเลิกเรียน จะได้กลับไปอ่านหนังสือ
...แม่เจ้า!! เกิดมา 20 กว่าปี ไม่เคยมีความคิดแบบนี้ ไม่เคยคิดจะทำด้วย
อย่างที่รู้ว่าเราเรียนภาษาอังกฤษมา เป็นวิชาที่เวลาสอบไม่เคยต้องอ่านหนังสือ
...แล้วทำข้อสอบได้ไง? ...ใช้ sense ไง นี่เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งนะ
ที่เวลาใครถามอะไร ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่ว่า ก็มันเป็นอย่างนี้ มันต้องตอบอย่างนี้
แต่พอมาเจอสังคมแบบนี้ เราก็ต้องเพิ่มความขยันขึ้นมาอีกนิดนึง ย้ำว่านิดนึงเท่านั้น
เพราะเป็นคนขี้เกียจ อ่านหนังสือนานๆ ไม่ได้
ยิ่งวิชาคำนวณด้วยแล้ว มันไม่ใช่ทางเลย แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด
ซึ่งมันก็ผ่านมาได้ ...ผ่านมาได้ยังไงก็ไม่รู้

เรื่องเกรดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ
หลังจากเกรดออก เพื่อนๆ หลายคนก็เครียดกัน เพราะหวังไว้เยอะ
แต่มันกลับไม่ได้อย่างที่หวัง แต่สำหรับเรามันโอเค โอเคในระดับที่เรารู้ตัวเองดี
ว่าเราอยู่ระดับไหน เราไม่อยากให้พากันคิดมาก เครียดมาก ...จะบอกอะไรให้ฟังนะ

สมัยเรียนปริญญาตรี ...ด้วยวิธีการเรียนที่ใช้ sense มาตลอด
แล้วก็...เราเป็นคนตั้งใจเรียน ไม่โดดเรียน ไม่เคยเข้าเรียนสาย ทำให้ดีที่สุด ทั้งๆที่เราไม่ถนัด
ผลคือ ได้เกรดเยอะ บวกกับจบมาพร้อมเกียรตินิยมอันดับ 2
แต่...เราไม่เคยฝึกงาน เราไม่มีประสบการณ์
เราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เราเป็นเด็กเกียรตินิยมที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
โคตรกดดันเลยนะ ...เกรดมันค้ำคอ เกียรตินิยมมันค้ำคอ ว่าคุณต้องมีความสามารถนะ
ถ้าเลือกได้ ขอจบแบบแค่ผ่านก็พอ
ที่พูดมาทั้งหมด ถ้าคนคิดเป็น และเข้าใจว่าเราจะสื่ออะไร
ต้องเข้าใจ ว่าเราไม่ได้อยากโม้ ว่าเราจบเกียรตินิยมมา
...แค่อยากให้คิดว่า ถ้าเรามั่นใจว่าเรามีความสามารถ เกรดมันก็แค่เกรด
มันก็แค่ทางผ่านให้เราเรียนรู้ เพื่อเดินไปยังเป้าหมาย ก็แค่นั้นเอง
"ตั้งใจเรียน เอาความรู้ เพื่อไปใช้ ก็พอ... เชื่อเรานะ"

----------------------------
พอแค่นี้ก่อนละกันเนอะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้แวะเข้ามาเขียนอีก
ขอบคุณมากสำหรับคนที่มีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
ขอบคุณมากที่เข้ามารับรู้ความคิดของเรา
ปีเก่าผ่านไปแล้ว ...โลกไม่แตก เราก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตกันต่อไป
สิ่งเดียวที่อยากขอก็คือ ขอมีชีวิตที่ไม่ต้องอดทน ไม่ต้องรู้สึกว่าทรมานทุกครั้งที่หายใจ
...ขอแค่นี้ ให้เราได้มั้ย

ปารัชญ์
1/1/56